เกมครึ่งแรกนาทีที่ 10 มิลานได้ลุ้นก่อนจากการโยนเข้ากรอบด้วยซ้ายข้างถนัดของ โรดริเกซ มาถึง คูโตรเน่ ได้ขึ้นโหม่งหนีตัวประกบถึงสองคน แต่บอลก็เหินข้ามคานไปอย่างหน้าเสียดาย
แต่หลังจากนั้นนาทีที่ 21 ทีมเยือนได้โอกาสสวนกลับ เมื่อโบนุชชี่ เช็คล้ำหน้าพลาด สุดท้ายเป็นมอนส์ไชน์ กองหน้าตัวเป้าได้โอกาสแตะหลบ ดอนนารุมม่า ก่อนตัดสินใจยิงมุมแคบทางด้านขวาบอลพุ่งเข้าประตูไป แม้โบนุชชีจะตามเข้ามาสกัด แต่บอลกลับลอยผ่านตัวเข้าประตู ออสเตรีย เวียนนานำ 1-0
อย่างไรก็ตาม เอซี มิลาน ก็แก้คืนได้แบบทันควัน นาที 27 ฟาบิโอ บอรินี่ โยนจากกราบขวาแฉลบมาเสาสอง ตกใส่ ริคาร์โด โรดริเกซ แปเน้น ๆ ด้วยซ้ายข้างถนัดสวน แพทริค เวนท์ซ นายทวาร ตีเสมอ 1-1
ต่อมานาที 36 โรดริเกซ ปั่นฟรีคิกบอลพุ่งเรียดเข้าทาง อังเดร ซิลวา แต่งหนึ่งจังหวะ แล้วซัดด้วยขวา แซงออสเตรีย เวียนนาไป 2-1
สกอร์เพิ่มมาเป็น 3-1 ในนาที 42 ต้องชมความขยันของ ฟาบิโอ บอรินี่ สปีดตวัดบอลจากสุดเส้นฝั่งขวากลับมาให้ แพทริค คูโตรเน่ โขกเข้าไปตุงตาข่าย สู้กันต่อครึ่งหลัง “รอสโซเนรี่” เล่นแบบไร้ความกดดัน
นาที 70 ฮาคาน คัลฮาโนกลู งัดโด่งออกขวาให้ อังเดร ซิลวา พักอก แล้วกลับตัวยิงลอดขา ปีตาร์ กลูฮาโควิช ตัวสำรอง แบบนิ่มๆ เสียบเสาไกล หนีไปเป็น 4-1
เวลาที่เหลือมิลานยังคงได้โอกาสครองบอลบุกเหนือกว่าชัดเจนขณะที่ทีมเยือนก็แทบหาโอกาสสวนกลับไม่ได้ก่อนที่ช่วงทดเจ็บของครึ่งหลังจะเป็น คูโตรเน่ หลุดเข้าไปซัดส่งต้นสังกัดขยับห่าง 5-1
จบเกม เอซี มิลาน ถล่ม ออสเตรีย เวียนนา 5-1 เก็บเพิ่มเป็น 11 แต้มการันตีเข้ารอบต่อไปในฐานะแชมป์กลุ่มแน่นอนแล้ว ส่วนทีมเยือนยังมีลุ้นเข้ารอบในเกมสุดท้ายต่อไป